สื่อสังคมออนไลน์ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอย่างที่คิดเสมอไปสื่อสังคมออนไลน์เป็นสิ่งใหม่และการเติบโตอาจนำมาซึ่งความเสียหาย เราควรที่จะตั้งคำถามอยู่เสมอและผลักดันให้สื่อรูปแบบใหม่นี้ก้าวข้ามขีดจำกัดต่าง ๆโพสต์แรกของฉันในบล็อกบน Snapchat ก็เป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาบนสื่อสังคมออนไลน์ที่เข้าใจว่าจะคงอยู่ตลอดไปการคงอยู่ตลอดไปของเนื้อหาเป็นเพียงทางเลือกหนึ่ง โดยเป็นทางเลือกที่มีความเชื่อมโยงซับซ้อน และไม่จำเป็นจะต้องเป็นเช่นนั้นมาถึงตอนนี้ ฉันกำลังนึกไปถึงสิ่งหนึ่งที่มีผลตามมาจากการคงอยู่ตลอดไปของเนื้อหาคือ โปรไฟล์บนสื่อสังคมออนไลน์
โปรไฟล์โซเชียลมีเดียที่คุ้นเคยคือการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณ และ/หรือสร้างขึ้นโดยคุณ และมักมีคนอื่น ๆ ที่คุณได้ติดต่อด้วยร่วมอยู่ในนั้นโปรไฟล์เป็นวิธีจัดการกับตัวตนของบุคคลที่มีข้อจำกัดไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการใช้ชื่อจริง การแสดงข้อมูลเกี่ยวกับความต้องการของเรา ประวัติโดยละเอียด และกิจกรรมปัจจุบันทั้งหมด ซึ่งเป็นเหมือนกับชุดกล่องที่มีการจัดโครงสร้างมาแล้ว และเราต้องพยายามยัดตัวเองเข้าไปให้พอดีกับกล่องเหล่านี้ที่กำหนดมาแล้วและยิ่งคลังประวัติของเราเติบโตมากขึ้นเท่าใด โปรไฟล์ของเราก็จะโตขึ้นในทั้งรูปธรรม และนามธรรมที่เปรียบเหมือนกับน้ำหนักในจิตใจของเราและพฤติกรรม
โปรไฟล์โซเชียลมีเดียพยายามที่จะทำให้เราเชื่อว่า ชีวิตที่ไม่มีความจีรังนั้น ควรจะได้รับการจำลองสถานการณ์ ความไม่จีรังของประสบการณ์ที่พบเจอควรที่จะถูกนำมารวบรวมไว้ด้วยกันเป็นชุด ชุดประสบการณ์ที่กระจัดกระจายไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่ปะติดปะต่อ นำมายำรวมอยู่ในโปรไฟล์เดียวตรรกะของโปรไฟล์คือชีวิตที่ควรมีเก็บบันทึก รักษา และไว้ข้างหลังกระจกและขอให้เราทำหน้าที่นักสะสมชีวิตของเรา เพื่อสร้างพิพิธภัณฑ์ของตัวเราเองขึ้นช่วงเวลาต่าง ๆ ที่ถูกรวบรวมไว้หนาเป็นปึก จัดใส่กรอบสี่เหลี่ยม ตีบอกจำนวน และถูกจัดอันดับโซเชียลมีเดียแบบถาวรนั้นมีพื้นฐานมาจากโปรไฟล์ประเภทดังกล่าว ซึ่งแต่ละอันมีความจำกัดและมีรูปลักษณ์เป็นช่องสี่เหลี่ยมไม่มากก็น้อยการทบทวนเรื่องความถาวรหมายถึงการทบทวนเกี่ยวกับโปรไฟล์โซเชียลมีเดียแบบใหม่ และเป็นการแนะนำความเป็นไปได้ของโปรไฟล์ที่รวบรวมเก็บข้อมูลไว้หลังจอกระจก แต่เป็นสิ่งที่มีชีวิตมากขึ้น ไหลลื่น และมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ
***
การบันทึกตัวตนไว้ในหมวดหมู่บนโซเชียลมีเดียไม่ได้เลวร้ายสักทีเดียว และเป้าหมายทั้งหมดของผมคือการไม่โต้แย้งว่าควรหายไป แต่อยากลองตั้งคำถามว่าสามารถปรับความคิดใหม่ได้หรือไม่ และทำให้เป็นแค่เพียงตัวเลือกที่ไม่ต้องเป็นแบบที่กำหนดไว้ก่อนหน้าเราสามารถสร้างโซเชียลมีเดียที่ไม่ได้ขอให้เราต้องพยายามกลมกลืนกับแบบแผนตัวตนที่กำหนดไว้ก่อนหน้าได้หรือไม่ ให้มองว่ามนุษย์มีตัวตนที่ไหลลื่น และมีความเปลี่ยนแปลงได้
การทำความเข้าใจในประเด็นนี้ จะต้องลองใช้เวลาคิดถึงคำสอนทางวัฒนธรรมทั่วไปที่มีความร่วมสมัยชัดเจนในหนังสือนิทานเด็ก, หนังสือช่วยเหลือและพัฒนาตนเอง และคำแนะนำในชีวิตประจำวันที่พร่ำบอกให้มีความซื่อสัตย์กับตนเองเราจะได้ค้นพบและคงความศรัทธากับรูปแบบความเป็นตัวเราที่แท้จริงซึ่งมักจะเป็นคำแนะนำที่ดี แต่ถ้าคุณรู้สึกขนลุกเมื่อได้อ่านคำว่า “ที่แท้จริง” เท่ากับที่ผมรู้สึกเมื่อกำลังพิมพ์อยู่ แสดงว่าคุณได้รู้แล้วว่าคำแนะนำนั้นแทบจะช่วยส่งเสริมประเด็นใดได้เลย นอกจากการมีตัวตนเพียงแบบเดียว โดยไม่คำนึงถึงเวลา หรือสถานที่ ซึ่งอาจเกิดการไม่สนับสนุนการเปลี่ยนแปลงได้ยังมีแนวความคิดอีกประเภท ที่เข้าใจถึงตัวตนว่าไม่ได้มีสถานะที่เป็นของแข็ง แต่มีการไหลเวียนอยู่ตลอดเวลาแทนที่จะเป็นเพียงตัวตนแบบเดียวที่ไม่เปลี่ยนแปลง เราอาจพิจารณาสถานะ 'ตัวตนแบบของเหลว’ ซึ่งเป็นเหมือนอีกกริยาหนึ่งมากกว่าคำนาม
ผมทราบว่าความคิดนี้เป็นเชิงนามธรรม และเราคงหาบทสรุปของการโต้แย้งเกี่ยวกับปรัชญาบนบล็อกนี้กันไม่ได้ แต่อินเทอร์เน็ตก็ได้เข้ามามีบทบาทที่น่าสนใจในความตึงเครียดนี้ระหว่างความสม่ำเสมอของตัวตนและการเปลี่ยนแปลงเรื่องราวนี้คงเป็นเรื่องที่คุ้นเคย: เว็บมาถึงและตั้งครรภพร้อมความเป็นไปได้ที่ทบทวนถึงความเป็นตัวเรา โดยมองข้ามตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ ความสามารถทางกายภาพ และรวมถึงเชื้อชาติ เพศ อายุและแม้แต่เผาพันธุ์ [แม้ว่ามองข้ามปัจจัยเหล่านี้จะเป็นเพียงจินตนาการก็ตาม]การ์ตูน The New Yorker ได้เล่นมุขตลกซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีไว้ว่า "บนอินเทอร์เน็ต ไม่มีใครรู้ว่าคุณเป็นสุนัข”เมื่อวันเวลาดำเนินไปเรื่อย ๆ Web ได้รับความนิยม และมีความเป็นธุรกิจขึ้นปรากฏการณ์ดังกล่าวกลายเป็นเรื่องปกติ และในจุดใดจุดหนึ่งที่ความไม่แน่นอนซึ่งไม่ได้กำหนดไว้ก่อนนั้นมาแทนที่ความเป็นตัวตนที่คงเดิมตอนนี้ทุกคนก็ได้รู้ว่าคุณเป็นสุนัข และมันก็ยากที่จะเป็นอะไรสักอย่าง
สังคมออนไลน์ได้เน้นความสำคัญอย่างยิ่งกับตัวตน มีการบันทึกอย่างต่อเนื่อง มีการสะสมอยู่ตลอดเวลา จัดเก็บ และนำกลับมาแสดงให้เราภายหลังในรูปแบบโปรไฟล์ของเราเองที่พร้อมใช้งานอยู่เสมอเป็นความจริงที่ตัวตนนั้นอาจเป็นแหล่งที่มีความสำคัญ ความหมาย ประวัติ และความสุข แต่วันนี้ตัวตนกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพิ่มช่องทางการติดต่อของเรากับผู้อื่นรูปภาพโปรไฟล์ พื้นหลัง สิ่งที่คุณชอบ สิ่งที่คุณทำ สิ่งที่เพื่อนของคุณทำ ทั้งหมดล้วนนำไปสู่ความไม่สิ้นสุด และการเฝ้าสังเกตตนเองที่จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แถมด้วยการติดตามชมจากผู้อื่นในหนึ่งลมหายใจที่เป็น “การแสดงความเป็นตัวตน” อาจกลายเป็น “การควบคุมตัวเอง” ในอีกลมหายใจหนึ่งได้ เมื่อตัวตนของคุณ (และสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณ) กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันมากขึ้น
การแสดงความเป็นตัวของตัวเอง เมื่อถูกบีบเข้าในกล่องหมวดหมู่ถาวร (แบบดิจิทัลหรืออื่น ๆ) มีความเสี่ยงการกลายเป็นสิ่งที่ถูกจำกัดและการจำกัดตัวเองมากขึ้นเนื่องจากความกดดันที่ต้องการจะเป็นตัวเอง “จริง” อย่างแท้จริง และ "ซื่อสัตย์กับตัวเอง"ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น หลักฐานชิ้นใหญ่ของการเป็นตัวตนของตัวเองนั้นอาจถูกจำกัด และขัดขวางในการเปลี่ยนแปลงตัวตนความกังวลของผมคือโซเชียลมีเดียที่โดดเด่นในวันนี้ บ่อยครั้งมักจะสร้างสมมุติฐานบนความคิด (และอุดมคติ) ถึงการมีอยู่ของตัวตนจริงที่มีความมั่งคง ไม่เปลี่ยนแปลง เพียงหนึ่งเดียว ทำให้ขาดความสนุกสนานและการพัฒนาปรับปรุงโดยสร้างขึ้นจากตรรกะของกรอบที่โครงสร้างและหมวดหมู่แน่นหนา ส่วนใหญ่มีชี้วัดเลข เรียงลำดับทุกแง่มุมของเนื้อหา และเครื่องเก็บข้อมูลช่องตารางสี่เหลี่ยมที่ไม่รองรับความเป็นจริงที่ว่ามนุษย์เป็นเหมือนของเหลว ที่มีการเปลี่ยนแปลง และมีความยุ่งเหยิงอันน่าสลดใจและสวยงาม
***
ในขณะที่โซเชียลมีเดียแฝงอยู่ในกลุ่มวัยรุ่น แต่ก็ยังมีความไม่เหมาะสมกับลักษณะของวัยรุ่นจากที่กล่าวนี้ ผมไม่ได้หมายความถึงคนหนุ่มสาวโดยเฉพาะ แต่หมายถึงประเภทของการเปลี่ยนแปลงและการเติบโตที่แข็งแรงไม่ว่าจะอายุเท่าใดก็ตามค่าเริ่มต้นที่กำหนดให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียลงบันทึกถาวรและแสดงความตนเองนั้น ทำลายความสำคัญของการสวมบทบาทตัวตนหากอธิบายอีกแบบหนึ่ง: เราหลายคนต้องการโซเชียลมีเดียที่เหมือนห้างสรรพสินค้าให้น้อยลงและให้เหมือนสวนสาธารณะมากขึ้นโดยมีความเป็นมาตรฐาน ข้อจำกัดและข้อกำหนดน้อยลง แน่นอนครับ สวนสาธารณะคือที่ที่คุณอาจทำอะไรโง่ ๆ ได้บ้างหัวเข่าถลอกแต่ข้อผิดพลาดไม่ควรถูกหลีกเลี่ยงโดยสิ้นเชิง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลเหนือความต้องการของโซเชียลมีเดียแบบถาวร ส่งผลให้เกิดความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ถูกโพสต์การแก้ไขที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับโซเชียลมีเดียที่มีอยู่ในวันนี้ ควรเป็นการสร้างแพลตฟอร์มที่ให้พื้นที่มากขึ้นเพื่อการแสดงออกโดยการแสดงออกนั้นไม่ถูกตัดสิน หรือนำมาตีความหมายว่าบุคคลนั้นเป็นคนแบบไหน หรือตัดสินถึงสิ่งที่ทำได้หรือไม่ได้ความคิดในเรื่องของพื้นที่ที่ไม่ต้องมีการสอดส่องสำหรับการแสดงออกนั้นอาจฟังดูน่าตกใจ แต่การขาดพื้นที่ดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่น่ากังวลมากขึ้น*
การปกครองโซเชียลมีเดียได้แสดงให้เห็นถึงจุดยืน และความคิดเห็นอันสุดโต่งของผม สำหรับรูปแบบของตัวตนที่ได้รับการแบ่งประเภทมากทึ่สุดและมีอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง เป็นสิ่งที่กระตุ้นถึงความเป็นหนึ่งเดียว และความมั่นคงของตัวตนที่เราจะต้องเผชิญหน้าอย่างต่อเนื่องเป็นปรัชญาที่ไม่ได้เก็บรวบรวมความยุ่งเหยิงและความเป็นธรรมชาติของตัวตน ไม่สามารถฉลองกับความเติบโตได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่เหมาะกับผู้ที่มีความเปราะบางทางสังคมผมสงสัยว่าเราจะอย่างไรที่จะสร้างโซเชียลมีเดียซึ่งไม่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเราเองมีความตึงเครียดยิ่งขึ้นจากกรอบตัวตนที่ของโซเชียลมีเดียเองผมจึงได้ความคิดว่าโซเชียลมีเดียชั่วคราวจะเป็นวิธีใหม่ในการทำความเข้าใจโปรไฟล์โซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ได้ประกอบด้วยทางลัดให้กับชีวิตไปสู่ระบบการนับจำนวนที่ตายตัว แต่เป็นอะไรที่เหมือนกับของเหลว เปลี่ยนแปลง และมีชีวิตชีวา
*หมายเหตุ: ความคิดที่ว่าบุคคลควรมีตัวตนเดียวที่มีความมั่นคง ซื่อตรงหรือแท้จริงนั้นเป็นไปได้ยากสำหรับผู้ที่มีความเปราะบางต่อสังคมมากกว่าการมีตัวตนเพียงหนึ่งเดียว ที่ไม่เปลี่ยนแปลงอาจไม่มีปัญหาอะไร หากว่าความเป็นตัวคุณนั้นไม่ได้มีมลทินหรือถูกลงโทษใด ๆอย่างไรก็ตาม ยังมีให้ผู้คนอีกมากหมายที่ควรได้รับรู้ว่ายังมีอีกหลายคนในสังคมที่ค่อนข้างมีความสุขการจำกัดความของตัวตนในสังคม และยังคงต้องการพื้นที่หลบซ่อนตัวตนได้ ที่ซึ่งสามารถลองผิดลองถูกกับตัวตนของตนเอง โดยที่ไม่ต้องแสดงให้ใครได้เห็นชัดเจน เพราะผลกระทบที่อาจตามมาถึงได้นั้นใหญ่หลวงกว่ามากปัจจัยเกี่ยวกับเชื้อชาติ ชนชั้น เพศ ลักษณะทางเพศ ความสามารถ อายุ และอื่น ๆ ที่เชื่อมโยงระหว่างพลังและและความอ่อนแอนั้นจะต้องเป็นส่วนหนึ่งในการพูดคุยที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับวิธีที่โซเชียลมีเดียถูกสร้างขึ้น ถูกนำไปใช้ และถูกการปรับปรุงให้ดีขึ้น